หลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลปฏิบัติการผิดพลาด สังหารตัวประกันไปถึง 3 ราย จนญาติของตัวประกันและประชาชนออกมาประท้วงในกรุงเทล อาวีฟ กดดันให้รัฐบาลเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันกับกลุ่มฮามาส เพราะกังวลความปลอดภัยของตัวประกันที่เหลืออีกกว่า 130 ชีวิต ท่ามกลางแรงกดดันจากหลายทิศทางที่พุ่งเป้าไปยังอิสราเอล กลุ่มฮามาสได้เผยแพร่ภาพของตัวประกันบางส่วนออกมา
ข่าวดังข้ามปี 2566 : ทั่วโลกระส่ำ! สงคราม “ฮามาส-อิสราเอล”
นายกฯ อิสราเอล แย้มเจรจาช่วยตัวประกันรอบใหม่กับกลุ่มฮามาส
ภาพของตัวประกันชายสูงอายุ 3 รายที่กลุ่มฮามาสเผยแพร่ออกมาโดยตัวประกันทั้ง 3 รายที่อยู่ในคลิปวิดีโอดังกล่าว ประกอบด้วย ฮาอิม เบรี อาจารย์ด้านภาพยนตร์และนักเคลื่อนไหว วัย 79 ปี อมิราม คูเปอร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งคิบบุตซ์ นีร์ ออซ วัย 84 ปี สามีของนูริต คูเปอร์ หญิงสูงวัยที่ได้รับการปล่อยตัวในชุดที่สองเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมาและโยรัม เมตซ์เกอร์ วัย 80 ปี ในคลิปวิดีโอดังกล่าว ตัวประกันทั้ง 3 ได้ระบุว่าพวกเขาป่วยเป็นโรคเรื้อรัง อยู่ในภาวะอันตรายร้ายแรง และขอให้กองกำลัง IDF ช่วยพวกเขาออกไปจากสถานที่คุมขัง ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม เพราะพวกเขาไม่อยากเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล
หลังจากที่คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมา บรรญาติของตัวประกันระบุว่า พวกเขารู้สึกทั้งยินดีที่ตัวประกันยังมีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกตกใจที่เห็นญาติของตนเองในสภาพเช่นนี้
ขณะเดียวกัน พลเรือตรี แดเนียล ฮาการี โฆษกกองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลหรือ IDF ได้ออกมาประณามการเผยแพร่ภาพวิดีโอดังกล่าวของกลุ่มฮามาส โดยระบุว่า
วิดีโอที่กลุ่มฮามาสเผยแพร่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นวิดีโอก่อการร้าย เป็นพยานถึงความโหดร้ายของฮามาสต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์และสูงอายุจำนวนมากที่ต้องการการรักษาพยาบาล
นอกจากนี้ โฆษกฯ IDF ยังได้ส่งสารไปถึงตัวประกันทุกคนว่า IDF กำลังพยายามทำทุกทางเพื่อให้ทุกคนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย และภารกิจของ IDF จะไม่เสร็จสิ้นจนกว่าตัวประกันทุกคนจะได้กลับไปหาครอบครัว
สำหรับประเด็นเรื่องโอกาสในการปล่อยตัวประกัน เมื่อวานนี้ โอซามา ฮามดาน ผู้แทนของกลุ่มฮามาส ได้ออกมาระบุว่า พร้อมเจรจาพูดคุยกับทางการอิสราเอล โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ กลุ่มฮามาสจะไม่มีการปล่อยตัวประกัน หากอิสราเอลไม่หยุดโจมตีฉนวนกาซา
การออกมาวางเงื่อนไขของกลุ่มฮามาส เกิดขึ้นในวันที่อิสราเอลกำลังเผชิญแรงกดดันจากทั้งทางญาติของตัวประกันและผู้นำของหลายชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรรายสำคัญ
สังเกตได้จากการเดินทางเยือนอิสราเอลของเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อขอให้อิสราเอลลดระดับความรุนแรงของสงครามลง ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยือนอิสราเอลอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำเรื่องนี้
การออกมาวางเงื่อนไขของกลุ่มฮามาส เกิดขึ้นในวันที่อิสราเอลกำลังเผชิญแรงกดดันจากทั้งทางญาติของตัวประกันและผู้นำของหลายชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรรายสำคัญ
สังเกตได้จากการเดินทางเยือนอิสราเอลของเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อขอให้อิสราเอลลดระดับความรุนแรงของสงครามลง ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยือนอิสราเอลอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำเรื่องนี้
ด้าน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้หารือร่วมกับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประเด็นหลักของการพูดคุยอยู่ที่การเรียกร้องให้ IDF ใช้ยุทธวิธีการทำสงครามปราบกลุ่มฮามาสไปพร้อมๆ กับรักษาชีวิตพลเรือน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังให้คำมั่นกับนายกฯ อิสราเอลว่า ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิสราเอล จะยังมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยสหรัฐฯ จะช่วยอิสราเอลเพื่อให้ปกป้องตนเองได้
แต่ประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ คือการที่ลอยด์ ออสติน เตือนอิหร่านว่าอย่ายุ่งกับสงคราม และเลิกสนับสนุนให้กลุ่มติดอาวุธที่อยู่ในความควบคุมโจมตีอิสราเอลจากหลายด้านขณะนี้ อิหร่านกำลังเข้ามาเกี่ยวพันกับสงครามในฉนวนกาซาด้วยการใช้บรรดาตัวแทน หรือ Proxies เช่น กลุ่มเฮซบอลเลาะห์ทางด้านเหนือ
อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สำนักข่าวสกายนิวส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางส่วนในรัฐบาลอิสราเอลอาจจะส่งกองกำลัง IDF บุกพื้นที่ด้านใต้ของเลบานอนเพื่อรักษาความมั่นคงภายหลังความขัดแย้งในฉนวนกาซายุติลงเนื่องจากเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเชื่อว่า การหยุดยิงกับกลุ่มเฮซบอลเลาะห์จะไม่เพียงพอที่จะรับประกันความมั่นคงของประเทศ
ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของเจ้าหน้าที่ IDF ที่เคยออกมายอมรับว่ากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันความขัดแย้งเพิ่มเติม
ทั้งนี้ การตัดสินใจโจมตีกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ทางใต้ของเลบานอนจะเป็นการตัดสินใจของนายกฯ เนทันยาฮูและคณะรัฐมนตรีด้านการสงคราม ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปหลังจากนี้
นอกจากกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ทางตอนเหนือแล้ว อีกกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านที่กำลังสร้างปัญหาอย่างหนักคือ กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ที่โจมตีเรือขนส่งสินค้าที่แล่นผ่านทะเลแดง
ย้อนกลับไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทขนส่งรายใหญ่ที่สุดของโลก 2 แห่ง คือ เมอส์กของเดนมาร์ก และ ฮาแพ็ค ลอยด์ของเยอรมนี ตัดสินใจระงับการเดินเรือผ่านช่องแคบบับ อัล-มันเดบ เนื่องจากหวั่นกลุ่มกบฏฮูตีโจมตี
ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมาบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลกอย่างบีพี ได้ออกมาประกาศระงับการเดินเรือขนส่งน้ำมันผ่านทะเลแดงเป็นการชั่วคราว เนื่องจากกังวลว่ากลุ่มกบฏฮูตีจะโจมตีเรือ
การประกาศระงับเดินเรือของบริษัทขนส่งและบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลกหลายราย ทำให้องค์การคลองสุเอซ หรือ SCA ของอียิปต์ ออกมาประกาศเฝ้าระวังสถานการณ์ความตึงเครียดในทะเลแดงอย่างใล้ชิด
ทะเลแดงอยู่ตรงไหน ทำไมจึงมีความสำคัญต่อการเดินเรือทะเลแดงคือเส้นทางการค้าที่เชื่อมระหว่างยุโรปกับเอเชีย โดยพื้นที่ทางตอนเหนือของทะเลแดงคือ คลองสุเอซส่วนด้านใต้คือ ช่องแคบบับ เอล-มันเดบ ซึ่งเป็นจุดออกไปสู่อ่าวเอเดน ทะเลอาหรับ และมหาสมุทรอินเดีย
โดยปกติทะเลแดง เป็นน่านน้ำที่คับคั่งไปด้วยเรือพาณิชย์ ที่ลัดเลาะผ่านคลองสุเอซเพื่อขนส่งสินค้าระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป
คลองสุเอซ คือ คลองที่มนุษย์ขุดขึ้นในช่วงปี 1859-1869 มีความยาวทั้งสิ้น 193.3 กิโลเมตร กว้าง 300-350 เมตร
เป้าหมายคือ เพื่อเชื่อมท่าเรือซาอิดบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เข้ากับสุเอซ เมืองใกล้กับทะเลแดง ทำให้ร่นระยะเวลาการเดินทางจากยุโรปสู่เอเชียได้อย่างมีนัยสำคั จากเส้นทางเดินเรือเดิมซึ่งต้องแล่นอ้อมทวีปแอฟริกาทั้งทวีป คิดเป็นระยะทางกว่า 20,900 กิโลเมตร และใช้เวลา 24 วัน แต่คลองสุเอซทำให้ระยะการเดินทางลดเหลือเพียง 12,000 กิโลเมตรและลดระยะเวลาเดินทางให้เหลือเพียง 14 วัน นับตั้งแต่ขุดคลองสำเร็จ คลองสุเอซเป็นคลองที่มีการขนส่งสินค้ามากที่สุดในโลก
ในแต่ละวันจะมีเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์กว่าร้อยละ 30 ของโลก แล่นผ่านเส้นทางนี้ โดยสินค้าที่เรือบรรทุกมีหลายประเภท ตั้งแต่พลังงาน เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภค
ดังนั้น ถ้าเรือสินค้าไม่สามารถแล่นผ่านทะเลแดงได้ตามปกติ ผลกระทบที่ตามมาจะทำให้ราคาของสินค้าประเภทต่างๆ ทั่วโลกค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้น เพราะเรือขนส่งสินค้าต้องใช้พลังงานมากกว่าเดิมเพื่อแล่นอ้อมแหลมกู๊ดโฮปในแอฟริกาที่อยู่ไกลกว่าระยะเดินเรือเดิมราวๆ 8,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ การโจมตีของกลุ่มฮูตีทำให้ค่าประกันเรือ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนการเดินเรือ ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่เดวิส ออสเลอร์ เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยลิสต์ อินเทลลิเจนส์ (List Intelligence) ได้วิเคราะห์ภาพรวมอุตสาหกรรมทางทะเลทั่วโลกว่า ต้นทุนประกันภัยของเรือพาณิชย์ในทะเลแดง ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ซึ่งจะไปเพิ่มต้นทุนในการเดินเรือมากถึงหลักแสนดอลลาร์ หรือประมาณ 3,500,000 บาทต่อเที่ยว
ขณะเดียวกัน ค่าประกันการเดินเรือจะยิ่งพุ่งทะยานขึ้นไปอีก หากเป็นเรือพาณิชย์ของอิสราเอล โดยตอนนี้ต้นทุนประกันภัยการเดินเรือของอิสราเอลเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 250 และบริษัทประกันบางแห่ง ตัดสินใจประกาศปฏิเสธการคุ้มครองเรืออิสราเอลแล้ว
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา คณะกรรมการสงครามร่วม หรือ JWC ของนาโต ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกกลุ่มจากลอยด์ มาร์เก็ต แอสโซซิเอชัน หรือ LMA และตัวแทนจากตลาดบริษัทประกันภัยในลอนดอน ได้ออกคำแนะนำว่า
ทางคณะกรรมการสงครามร่วมตัดสินใจประกาศให้พื้นที่เสี่ยงในทะเลแดง ขึ้นไปอยู่ที่ละติจูด 18 องศาเหนือ จากเดิมที่เคยอยู่ที่ 15 องศาเหนือ ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ทะเลแดงส่วนที่อยู่บริเวณชายฝั่งของเยเมนไปจนถึงชายฝั่งเมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบีย
สาเหตุของการปรับพิกัดพื้นที่เสี่ยงครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับระยะของพิสัยทำการขีปนาวุธต่อต้านเรือของกบฏฮูตีที่จะยิงมาจากพื้นที่ของเยเมนโดยตรง
การก่อกวนด้วยการยิงขีปนาวุธหรือโจมตีด้วยเฮลิคอปเตอร์ของกบฏฮูตี ทำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรออกมาประกาศตั้งกลุ่มพันธมิตรปกป้องเรือเดินสมุทรในพื้นที่ทะเลแดง
วันนี้19 ธ.ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ประกาศเปิดตัวกองกำลังนานาชาติเพื่อปกป้องการค้าในทะเลแดง หลังเรือเดินสมุทรหลายลำ ถูกกดดันให้พักการเดินเรือในน่านน้ำทะเลแดงชั่วคราว เนื่องจากถูกกลุ่มกบฏฮูตีโจมตี
กองกำลังนานาชาตินี้ประกอบไปด้วย บาห์เรน แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เซเชลส์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งรายล่าสุดระบุว่าอาจมีกองกำลังของชาติต่างๆ เข้าร่วมถึง 39 ชาติ ภายใต้ชื่อภารกิจ Operation Prosperity Guardianทั้งนี้สหรัฐฯ ยังไม่ได้ระบุว่า กองกำลังนานาชาติเหล่านี้จะทำสิ่งใดบ้างเพื่อคุ้มครองเรือเดินสมุทร
หลายฝ่ายประเมินว่า กองกำลังเหล่านี้จะคอยยิงสกัดขีปนาวุธต่อต้านเรือและโดรนพลีชีพของกลุ่มกบฏฮูตี ที่พุ่งเป้าโจมตีเรือพาณิชย์ นอกจากนี้ หลายฝ่ายที่ติดตามการเคลื่อนที่ของเรือรบสหรัฐฯ ในน่านน้ำต่างๆ ทั่วโลก ได้ออกมาระบุว่า
ตอนนี้สหรัฐฯ มีคำสั่งให้กองเรือยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ซึ่งเพิ่งจะเสร็จสิ้นภารกิจในฟิลิปปินส์และพักอยู่ที่สิงคโปร์ มุ่งหน้าสู่ทะเลตะวันออกกลางเรือลำนี้มีฉายาว่าอินทรีย์ทอง เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นนิมิตซ์ ลำที่สามของกองทัพสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในเรือบรรทุกเครื่องบินปฏิบัติการ 1 ใน 11 ลำของสหรัฐฯ ที่ถูกนำมาประจำการในตอนนี้ เรือยูเอสเอส คาร์ล วินสันสามารถบรรทุกเครื่องบินได้ราว 90 ลำ และลูกเรืออีกราวๆ 6,000 นาย
ส่วนกองเรือดไวท์ ดี ไอเซนฮาวร์ ที่เคยประจำอยู่บริเวณอ่าวเปอร์เซีย ก็ได้ถูกย้ายไปประจำการบริเวณอ่าวเอเดน ใกล้กับช่องแคบบับ อัล-มันเดบ ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อป้องปรามการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตี
ทั้งนี้ ประเด็นการส่งเรือยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ไปประจำการในทะเลตะวันออกกลาง ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก US Central Command ซึ่งเป็นกองทัพสหรัฐฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
แต่หลายฝ่ายออกมาประเมินว่า ถ้าการย้ายเรือยูเอสเอส คาร์ล วินสัน เป็นเรื่องจริง ก็มีความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะบานปลายออกไปกลายเป็นสงครามในระดับภูมิภาค
และความขัดแย้งที่ขยายวงออกนอกฉนวนกาซา จะทำให้คลองสุเอซของอียิปต์ถูกปิดตายทันที ทำให้เรือพาณิชย์ไม่สามารถขนส่งสินค้าต่างๆ ได้ และราคาสินค้าเกือบทุกประเภทจะพุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประกาศแล้ว! “ผลสลากกาชาด 2566” เช็กวิธีตรวจผล-ขึ้นเงินรางวัล ที่นี่
กางปฏิทินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ค่าจ้างลูกจ้างประจำ บำนาญ ปี 2566
แผ่นดินไหวจีนขนาด 6.2 เขย่ามณฑลกานซู่ เสียชีวิตแล้วมากกว่า 100 ราย คำพูดจาก เกมสล็อตเว็บแท้